มาพูดถึงข้อดี-ข้อเสียของทั้ง 2 ฤดูก่อนแล้วกันนะครับ ) โดยช่วงฤดูร้อนจะลากยาวตั้งแต่ปลายเดือนมีนาคม ไปจนถึงช่วงกลางเดือนตุลาคม และในช่วงหน้าหนาวจะเริ่มตั้งแต่กลางเดือนตุลาคม ไปจนถึงปลายเดือนมีนาคม (ผมแบ่งคร่าวๆ นะครับ) และหากใครไปในช่วงคาบเกี่ยวเวลา อย่าลืมปรับนาฬิกาของคุณด้วย เพราะที่อังกฤษจะห่างจากบ้านเรา 6-7 ชั่วโมง เช็คให้ดีว่าช่วงที่ไปห่างกี่ชั่วโมง เพื่อจะได้ไม่พลาดเที่ยวรถ หรือเที่ยวบิน
ในช่วงฤดูหนาวท้องฟ้าจะมืดเร็วมาก ประมาณ 4 โมงฟ้าก็เริ่มมืดแล้ว ทำให้มีเวลาเที่ยวไม่ค่อยเยอะเท่าไหร่ (แต่ผมก็ยังชอบเที่ยวช่วงหน้าหนาวนะ เนื่องจากชอบบรรยากาศช่วงคริสมาส, หิมะ, และรู้สึกว่าคนไม่เยอะเท่าฤดูอื่นๆ ส่วนในช่วงเดือนที่ผมไปนี่อากาศกำลังดี อยู่ที่ประมาณ 8-18 องศา เรียกว่ามีแจ็คเก็ต กะสเว็ตเตอร์ก็เอาอยู่แล้ว ไม่ต้องแบกโค้ท หรือลองจอนไปให้เปลืองพื้นที่ในกระเป๋า แต่ในช่วงกลางคืนเจอลมแรงๆ นี่ก็หนาวไปถึงกระดูกเหมือนกัน แต่ที่เด็ดมากๆ คือในฤดูนี้จะมีช่วงเวลากลางวันที่ยาวนานมาก กว่าท้องฟ้าจะมืดก็ปาเข้าไปเกือบ 4 ทุ่ม ทำให้มีเวลาเที่ยวได้ยาวนานมากใน 1 วัน ทำให้นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่เลือกไปกันในช่วงเวลานี้ ช่วงตั้งแต่ 6 โมงเย็นยัน 4 ทุ่มนี่ฟ้าประมาณช่วง 4 โมงเย็นบ้านเรา แต่ฟ้าแบบนี้ลากยาวไปเกือบ 6 ชั่วโมงครับ
ในภาพนี้คือฟ้าตอนประมาณ 3 ทุ่มกว่านะครับ
ปกติเวลาไปเที่ยวผมจะเดินเยอะมาก เรียกว่าเน้นเดินเป็นหลัก โดยใช้ Underground สลับอยู่ตลอด แต่เจ้า Underground ใน London นี่ก็ต้องบอกว่าเดินกันจนขาลากเหมือนกัน ถ้าเทียบ Underground ใน London กับ BTS บ้านเรา BTS ขบวนใหญ่กว่าพอสมควรครับ แต่ที่ London นี่วิ่งถี่มาก มาทุก 2-3 นาที ส่วนที่บ้านเรารอนานมาก
List ที่ผมจะพาไปเยี่ยมชมมีดังนี้ครับ
- Big Ben
- London Eye
- National History Museum
- Piccadilly Circus
- Buckingham Palace
- Hyde Park
- Tower Bridge
ฝากแฟนเพจด้วยแล้วกันนะครับ จะอัพเดทบทความเกี่ยวกับเรื่องท่องเที่ยวเรื่อยๆ รวมถึงทริคต่างๆ ในการหาตั๋วเครื่องบิน รถไฟ หรือโรงแรมถูกๆ มาฝากกัน
ไว้ตอนหน้าจะมาลงรายละเอียดกันครับ ว่าแต่ละที่จะเป็นอย่างไรกันบ้าง ;)
0 comments