Preparation
Travel Tips
9 เรื่อง ที่ผมอยากบอกนักเดินทางมือใหม่
ความคาดหวัง, ความกลัว, และความตื่นเต้น
ความรู้สึกเหล่านี้ตีกันอยู่ในหัวผมตลอดเวลา
สำหรับการเดินทางออกนอกประเทศเป็นครั้งแรก
ทริปแรกของผมเต็มไปด้วยอารมณ์ที่หลากหลายมาก ตั้งแต่การได้อัพเกรดจากสายการบินจาก Economy Class เป็น Business Class บินสบายๆ ถึงเกาหลีเลย
แล้วก็ตามมาด้วยการติดอยู่ในห้องเย็นกับ ตม.เกือบๆ 3 ชม. รวมถึงความมีน้ำใจของคนเกาหลีที่ผมพบเจอตลอดทริป ผิดกับที่เคยอ่านๆ ในเวบต่างๆ
นอกจากนี้ ทุกที่รอบๆ ตัวดูแปลกหู แปลกตาไปหมด ความรู้สึกครั้งแรก มันทำให้หัวใจของผมพองโต และตกหลุมรักการท่องเที่ยวอย่างถอนตัวไม่ขึ้น
ครั้งนี้ผมเลยอยากจะมาแชร์ข้อมูลให้ลองอ่าน และลองนำไปปรับใช้กันครับ
ความกลัวถือเป็นอุปสรรคอย่างยิ่งในการออกท่องโลกกว้าง การไปในที่ที่เราไม่รู้จัก อาจจะเป็นสิ่งที่น่ากลัวสำหรับบางคน แต่คุณไม่ใช่คนแรกที่เดินทางไปทั่วโลก คุณไม่ใช่คริสโตเฟอร์ โคลัมบัส ที่ออกไปสำรวจทวีปใหม่ หรือไปสำรวจดินแดนในยุคที่ยังไม่มีการจดแผนที่
ในยุค Digital แบบนี้ คุณมีตัวช่วยต่างๆ มากมาย ที่ช่วยให้คุณท่องโลกได้ง่ายกว่าแต่ก่อนเยอะ ทั้งข้อมูลในเวบบอร์ด เวบท่องเที่ยว หรือแม้แต่ Application ในมือถือต่างๆ หากคนอื่นๆ สามารถพาตัวเองไปที่ต่างๆ บนโลกได้ คุณเองก็ทำได้เช่นกัน คุณอาจจะรู้สึกกลัว และประหม่า แต่คนอื่นๆ ก็เป็นแบบคุณนั่นแหละ
2.อย่ายึดติดกับ Guide Book มากเกินไป
โดยภาพรวม Guide Book ก็มีประโยชน์แหละครับ แต่รับรองว่าข้อมูลไม่สด ไม่ Live เท่ากับตัวคุณเอง ที่อยู่ ณ สถานที่แห่งนั้นหรอก
ถ้าคุณมัวแต่เที่ยวตาม Guide Book คุณก็จะไม่มีทางพบสถานที่ที่เพิ่งเปิดให้เข้าชม รวมถึง ร้านอาหารที่ซุกซอกอยู่ตามมุมเล็กๆ ของเมืองนั้นๆ นี่ยังไม่รวมพวกบาร์สำหรับนั่งจิบอะไรเย็นๆ อีกนะ
สิ่งที่ดีที่สุด ที่ผมอยากแนะนำคือ ลองเปิดตัวเอง พูดคุย ทำความรู้จักกับคนท้องถิ่นครับ เพื่อหาว่าตอนนี้อะไรที่กำลัง in-trend อยู่ หรือป๊อปมากๆ ที่เมืองนั้นๆ
เริ่มจากลองถามนักท่องเที่ยวใน hostel ที่คุณพักก็ได้ หรือเจ้าหน้าที่โรงแรมก็พร้อมให้ความช่วยเหลือคุณ
ผู้คนนี่แหละครับ เป็นแหล่งข้อมูลให้คุณๆ ได้ข้อมูลท่องเที่ยวที่สำคัญ สด และใหม่กว่าหนังสือไกด์บุ๊คแน่นอน ถึงแม้เดี๋ยวนี้ไกด์บุ๊คจะเป็นรูปแบบ Digital และอัพเดทบ่อยก็ตาม แต่ก็เป็นไปที่ข้อมูลบางอย่างมันอาจจะล้าหลังไปแล้ว
3.ลองเที่ยวให้ช้าลง
หลายๆคน พยายามจำกัดทริปด้วยจำนวนวัน และจำนวนประเทศ และพยายามบีบทุกอย่างให้อยู่ในนั้น เช่น 5 ประเทศ ใน 10 วัน เปลี่ยนที่นอนทุกวัน ทั้งแบกของ ลากกระเป๋า สุดท้ายมันก็จะสะสมกลายเป็นความเครียดครับ
แล้วเราจะทำได้แค่ชะโงกทัวร์ เหมือนได้แค่ไปถ่ายรูป 2 แชะ แล้วก็รีบๆ ไปที่อื่นต่อ ไม่ได้ซึมซับกับบรรยากาศเลย น่าเสียดายนะครับ ลองนึกดูถ้าไป Rome หรือ Paris แต่มีเวลา 1 วัน คุณจะทำอะไรได้ แค่พวกสถาปัตยกรรมใน 2 เมืองนี้ก็ต้องใช้เวลา 1-2 วันแล้ว ยังไม่รวมเวลาเดินชมเมืองเลย
ไปเที่ยวทั้งที
ยิ่งถ้าไปถึงยุโรป ควรจะจัดตารางให้ยืดหยุ่นบ้าง มีเวลานั่งชิวๆ มองดูผู้คนในสวนสาธารณะ หรือจะแวะหาร้านกาแฟ นั่งจิบกาแฟเพลินๆ มันจะช่วยให้คุณซึมซับบรรยากาศ และวัฒนธรรมท้องถิ่นได้ดีขึ้น
4.อย่าลืมขอช่องทางการติดต่อเพื่อนใหม่ไว้ด้วย
ถ้าหากคุณเดินทางคนเดียว มีโอกาสสูงมากที่จะได้เพื่อนใหม่ เพื่อนระหว่างทาง อย่างคนเสื้อฟ้าในรูปนี่เป็นนักท่องเที่ยวจีนที่ผมเจอที่สวิส ซึ่งหลายๆ คนก็กลายมาเป็นเพื่อนสนิท หรือเพื่อนรู้ใจกันในอนาคต แต่คุณอาจต้องเสียใจมาก ถ้าคุณไม่มีช่องทางการติดต่อคนเหล่านั้น เพราะบางทีคุณอาจพบกันแค่ครั้งเดียว แล้วก็ต่างคนต่างไป
สมัยนี้ไม่ใช่เรื่องยากที่จะขอ facebook หรือแลก e-mail กัน อย่าปล่อยให้เพื่อนใหม่ของคุณจากหายไปในความทรงจำ
5.ไม่ต้องเอาของไปเยอะ
พวกอุปกรณ์ต่างๆ ไม่ต้องเอาไปเยอะครับ คุณใช้ไม่หมดหรอก จัดแค่เพียงพอต่อความจำเป็นก็พอแล้ว ผมเคยไปยุโรปกับน้องคนนึง ไปแค่ 4 วัน แต่คุณน้องจัดกระเป๋าไซส์ 28 2 ใบ และเป้สะพายอีก 1 ใบ
ซึ่งของที่เอาไปก็ใช้ไม่หมด ไม่ว่าจะเป็นรองเท้า 7-8 คู่ แล้วเป็นบู๊ทอีก ยังไม่รวมชุดอีกที่สามารใส่ได้วันละ 1-3 ชุด ยิ่งถ้าไปหน้าหนาวเสื้อผ้าคุณจะน้อยมาก สับๆ แค่ตัวในรองจากเสื้อโค้ทเอา
ถ้ายังต้องเดินทางด้วยระบบสาธารณะ จัดของให้น้อยที่สุด แต่พอดี ไม่ขาดอะไรดีกว่าครับ บางสถานีในยุโรปใหญ่ กว้าง และไม่มีบันไดเลื่อน ต้องแบกขึ้น แบกลง ลำบากมาก
6.พกโทรศัพท์มือถือติดตัวไว้
เที่ยวประเทศไหน แนะนำให้ซื้อซิมประเทศนั้นครับ ราคาไม่แพงหรอก หาซื้อได้ตามสนามบินเลย อย่างในฝรั่งเศสก็ดูพวก Orange เพราะมันจะช่วยให้คุณไม่หลงกับเพื่อน หากไปด้วยกัน
แต่ถ้าไปคนเดียว ก็อาจอาศัย WIFI ฟรีจากโรงแรม หรือร้านอาหารได้ครับ ถ้าใน Paris นี่หา WIFI ฟรียากมาก แต่ร้าน Apple Store มี WIFI ฟรีให้ครับ ผมไปลองมาแล้ว 55
7.ปล่อยไหล
ส่วนใหญ่เวลาผมจัดทริป จะพยายามใส่วันเบาๆ ว่างๆ เดินชิวๆ แพลนไม่ต้องเยอะลงไป 1 วัน เพื่อถือเป็นการชาร์จแบต และพักร่างกาายไปในตัว
ในทริปๆ นึง แต่ละวันผมเดินก็เกือบ 20 กิโลต่อวันแล้วครับ เลยต้องมีวันพักเข้ามาคั่นบ้าง
ที่แนะนำคือ 7 วัน พัก 1 วัน หรือจะ 10 วัน พัก 1 วันก็ได้ครับ ถ้าทริปยาว
8.เผื่อเงินสำรองไว้ด้วย
ถึงคุณจะคุมค่าใช้จ่ายต่างๆ ด้วยการจองล่วงหน้านานๆ ได้หมดแล้ว แต่สิ่งไม่คาดฝันอาจเกิดขึ้นได้ เช่นเงินหาย หรือต้องเสียค่าปรับ หรืออะไรต่างๆ ก็ตาม ควรจะมีเงินสำรองไว้ในส่วนนี้ด้วย
ยิ่งถ้าคุณเดินทางไปในประเทศที่มิจฉาชีพชุกชุมอย่าง Paris ควรที่จะแบ่งเงินไว้หลายๆ ที่ด้วยครับ กันไว้ดีกว่าแก้ หรือใครมีบัตรเครดิต ก็จะใช้บัตรก็ไม่ว่ากันครับ แต่ถ้ารูดบัตร คุณก็จะเสีย 2-2.5% จากเรตประกันความเสี่ยงของค่าเงิน
อ่านเทคนิคการเอาตัวรอดจากมิจฉาชีพได้ที่่นี่เลย เที่ยว ปารีส อย่างไร ให้แคล้วคลาดจากมิจฉาชีพ
9.3 คำที่ควรท่องจำให้ขึ้นใจ
ควรศึกษาคำง่ายๆ การทักทายเบื้องต้นในแต่ละประเทศที่คุณจะไปครับ ปกติผมจะจำแค่ "สวัสดี" "ขอบคุณ" "ขอโทษ" ในแต่ละภาษาก็จบแล้วครับ อาจจะเริ่มเกริ่นเป็นภาษาท้องถิ่นก่อน แล้วค่อยตามด้วยภาษาอังกฤษ
อย่างทริปล่าสุดผมซื้อตั๋วกับเจ้าหน้าที่ ที่สนามบิน Charles de Gaulle ใน Paris เจ้าหน้าที่หน้าเป็นตูดมากครับ ตอนผมถาม และพูดคุยเป็นภาษาอังกฤษ พอตอนได้ตั๋วผมตอบกลับไปเป็นภาษาฝรั่งเศสว่า merci beaucoup (แม็กซี่ โบกู = ขอบคุณมาก) เท่านั้นแหละ แกยิ้มให้เลย แล้วก็ Have a nice day บลาๆๆ
ลองเริ่มต้นท่องจำคำง่ายๆ พวกนี้ครับ รับรองว่าไม่เสียเปล่าแน่นอน :D
0 comments