France
Preparation
Review
Travel Tips
เที่ยว ปารีส อย่างไร ให้แคล้วคลาดจากมิจฉาชีพ
ผมมีโอกาสเดินทางไปฝรั่งเศสช่วงกลางเดือนตุลาคมที่ผ่านมา แรกเริ่มเดิมทีตอนที่ผมแพลนทริปนี้ ก็เพราะว่าชอบอิตาลีมาก เพราะผมชอบประเทศแนวสถาปัตยกรรมอลังๆ ก็จัดการจองตั๋ว จองที่พักเสร็จสรรพ
จุดเปลี่ยนมาอยู่ที่ 2 เดือนก่อนการเดินทาง ผมเริ่มเจอกระทู้ให้ระวังพวกมิจฉาชีพ ล้วงกระเป๋า และอีกสารพัดที่ ปารีส ตอนนั้นก็เริ่มจิตตก แบบจะไปเที่ยว ทำไมต้องมาระวังตัวเองอะไรขนาดนี้
แต่หลังจากได้ไปลองเองแล้ว และกลับมาแบบปลอดภัย ไม่มีอะไรหาย ผมเลยอยากจะแบ่งปันประสบการณ์ต่างๆ ทีได้พบเจอมานะครับ
มิจฉาชีพ :
เริ่มกันที่เรื่องแรก ที่ใครหลายคนคาดไม่ถึง รวมทั้งผมเองด้วย ไม่งั้นคงแพลนไปเที่ยวที่อื่นแทนแล้ว เพราะคนทั่วๆ ไปก็จะติดภาพว่า กรุงปารีส เมืองสุดโรแมนติก มีความศิวิไรซ์ และขึ้นชื่อว่ายุโรป ก็น่าจะมีความปลอดภัยสูง
แต่ช่วง 20-30 ปีที่ผ่านมา จากเท่าที่อ่านๆ มา ปารีส เปลี่ยนไปมาก เนื่องจากมีผู้อพยพเข้ามาหากินในมหานครแห่งนี้ และเหยื่อของพวกมิจฉาชีพเหล่านี้ ก็คือคนเอเชีย โดยเฉพาะคนจีน ครับ เลยเห็นได้จากหลายๆ กระทู้ที่คนไทยตกเป็นเหยื่อ
1 คำ และอีกกว่า 30 กระทู้เกี่ยวกับมิจฉาชีพที่ผมได้อ่านก่อนไปหลอกหลอนผมมาก ยิ่งมีกระทู้นึง ที่น้องนักเรียนแลกเปลี่ยนโดนบุกมาชกหน้าถึงห้อง แล้วขโมยของนี่แบบ...เรียกว่าขึ้นสมอง ทำให้การเดินทางครั้งนี้ผมระมัดระวังตัวยิ่งกว่าทุกครั้ง ไม่ว่าจะเป็นการไปหาซื้อกระเป๋าคาดเอว แล้วใส่ทับในเสื้อชั้นแรก
การสแกนทุกคนตั้งแต่ก่อนขึ้นรถไฟ RER พร้อมระวังตัวสุดๆ ซึงการระวังตัวมากขนาดนี้ ทำให้ทริปวันแรกใน Paris ของผมค่อนข้างจะกร่อยพอสมควร เพราะมัวแต่วิตกจริตมากไป แนะนำครับ ระวังตัวได้ในระดับหนึ่ง แต่ไม่ต้องถึงขั้นหวาดระแวง จะทำให้หมดสนุกได้
จากการที่ผมอยู่ที่ Paris 4 วัน 3 คืน ขอบอกตรงนี้เลย Paris ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด และไม่ได้น่ากลัวเท่าหลายๆ กระทู้ที่ผมได้อ่าน แต่เราก็ต้องระวังตัวเองอยู่ตลอดเวลา ทั้งการแต่งกาย ผมใส่โค้ทดำ คุมโทนดำทั้งตัว กระเป๋ากล้องเอาไว้ด้านหน้าตลอด
ทีนี้จะขอจำแนกประเภทมิจฉาชีพที่เดินกันอย่างขวักไขว่ใน ปารีส
1.1 พวกล้วงกระเป๋า : อันดับ 2 ที่ผมกลัว แต่ไม่เจอตลอดทริป พยายามอย่าขึ้นรถไฟที่คนเยอะ รอขบวนถัดไปได้ ถ้าจำเป็นต้องขึ้นจริงๆ เอากระเป๋าไว้ข้างหน้า ระวังตัว มองซ้าย มองขวา ดูคนน่าสงสัยไว้ตลอด อย่าเหม่อ กระเป๋าคาดเอวช่วยได้ แต่ต่อให้ไม่มีกระเป๋าคาดเอว ผมว่าก็ยังปลอดภัยอยู่ เพราะผมใส่โค้ทยาว และมันคลุมปิดกระเป๋ากางเกงยีนส์
1.2 พวกยิปซี : พวกนี้จะมาถามเรา "Can you speak English?" ผมโบกมือว่าไม่อย่างเดียว แล้วเดินไปเลย อย่าไปสบตา อย่าไปสนทนา พวกนี้เจอบ่อย มีอยู่แทบทุกที่ครับ แต่ไม่อันตรายเท่าไหร่ ถ้าเราบอกปัดไปเลย
1.3 พวกคนดำ : ที่ขายของที่ระลึกละเมิดลิขสิทธิ์อยู่แถวหอไอเฟล และสถานที่สำคัญอีกหลายแห่ง ส่วนตัวจากทริปนี้ ผมรู้สึกว่าคนดำไม่น่ากลัว ออกแนวน่าสงสารด้วย คือยังพยายามขายของ ทำงานแลกเงิน ถ้าเราไม่ซื้อก็แค่บอกปัด แต่ถ้าซื้อแล้วจะมีคนตามเข้ามาอีกเยอะครับ แต่บอกปัดได้ ไม่ไรมาก
1.4 พวกปล้นซึ่งหน้า : บอกตามตรงว่าผมกลัวประเภทนี้ที่สุด เพราะต่อให้เราระวังตัวขนาดไหน ถ้าแจ็คพ็อต ก็ซวยครับ เราทำได้แค่ไม่พาตัวเองไปในจุดเสี่ยง แยกเงินไว้หลายๆ ที่
ปล.ภาพประกอบไม่เกี่ยวอะไรกับเนื้อหา แต่ช่วงผมไป ปารีส เจอแต่ฟ้าครึ้มๆ แบบนี้ตลอดทริป ไอเฟลเลยไม่สวยซักวัน
บุหรี่ :
ใช่ครับ คนที่นี่สูบบุหรี่กันจัดมาก เรียกว่ากลิ่นบุหรี่ is all around จริงๆ เดินไปทางไหนก็ได้แต่กลิ่นบุหรี่ นี่ยังไม่รวมถึงก้นบุหรี่ที่ทิ้งกันตามถนนอีกเพียบ ใครที่แพ้กลิ่นควันบุหรี่อาจรำคาญๆ หน่อยครับ
ที่พัก :
ทริปนี้ผมไปพักที่ Hotel Paris Liege เขต 10 สถานี Gare du Nord (ผมจองผ่าน Expedia พร้อมใช้ Discount Code จากบัตรเครดิต ลดไปอีก 10%)
Staff ที่นี่ดีมาก ให้ความช่วยเหลือทุกคน ผมเจอ Reception ทั้งหมด 4 คน สลับๆ กันมานั่งตลอดช่วง 4 วันของผม
ลิฟต์เล็กไปมากครับ เข้าไปยืนตัวลีบๆ ได้พร้อมกัน 2 คนพร้อมกระเป๋าที่ไม่ใหญ่มาก ถ้าใหญ่มากต้องแบกเดินขึ้นบันไดไปเองนะ
สภาพโรงแรมเก่ามาก และเยินมาก แต่รวมๆ ผมก็โอเค เมื่อเทียบกับราคา และได้ห้องน้ำในตัว เพราะโรงแรมที่ปารีสส่วนใหญ่ก็ค่อนข้างแพง
จริงๆ ย่านนี้เท่าที่อ่านจากเวบบอร์ดคนไทยจะค่อนข้างแนะนำให้หลีกเลี่ยง แต่เท่าที่ผมอ่านในพวก Tripadvisor ของฝรั่ง เค้าบอกมันไม่ได้น่ากลัวขนาดนั้น แค่อย่าเดินคนเดียวเวลาดึกๆ ซึ่งที่พักที่ผมจองไว้ แค่เดินข้ามสถานีรถไฟ Gare du Nord เดินข้ามถนนมา เดินต่ออีก 3 ตึกก็ถึงที่พัก จึงไม่ค่อยน่ากลัวเท่าไหร่
Tip : ถ้าใครพักย่านนี้เวลาออกจาก Metro ให้ระวังมากๆ มันจะมีอยู่ทางนึงที่ดูเปลี่ยวมาก ไม่ต้องตื้ดตั๋วตอนออก แต่น่ากลัว และมีพวกกลุ่มคนดำอยู่พอสมควร ถ้ากลับมาดึกๆ คนเดียวอาจมีหลอน แนะให้ไปออกที่ทางออกอื่นแทน
ตั๋ว :
ตั๋วจาก CDG เข้า Paris : ราคา 11€ สามารถซื้อได้ที่ SNCF ด้านในที่มีคนขาย บอกเค้าได้เลย ว่าจะเอาตั๋วอะไรยังไงมั่ง
Tip : แนะนำให้ซื้อกับคนขาย หากไม่ชำนาญการซื้อผ่านตู้ เพราะมักจะมีคนดำ หรือฝรั่งมาช่วยทำทีเป็นซื้อตั๋วให้ แล้วเอาตั๋วเราไปเลย หรือเก็บเงินทอนที่ได้จากตู้เป็นค่ากดตั๋วให้ไปดื้อๆ
Carnet : ตั๋วชุด 10 ใบ ราคา 13.7€ แนะนำให้มีไว้คนละ 1 ชุดเลย หาเดินทาง 2-3 วันใน paris หมดแล้วค่อยซื้อใหม่
Mobilis : ตั๋ววันโซน 1-4 ราคา 11.5€ ผมใช้เดินทางไปแวร์ซายน์ และ La defense รวมถึงจุดต่างๆ ในเมืองอย่างพวก Opera เรียกว่าถ้าวันไหนมีแพลนไปแวร์ซายน์ก็ซื้อเป็น Mobilis ดีกว่า เพราะขากลับมาเที่ยวต่อในปารีสก็ยังใช้ได้ ไม่ต้องเปลือง Canet และไม่ต้องเดินให้เสียเวลา
Paris Museum Pass : ราคา 42€/2 วัน มีแบบ 4 และ 6 วันด้วย แต่ผมซื้อแค่ 2 เอาจริงๆ คุณสมบัติของเจ้าบัตรนี้เค้าบอกว่า Skip the line ได้ จากที่ไปมา มัน skip the line ได้จริงๆ แค่ที่ Lourve ครับ ที่อื่นก็ต่อรวมกับคนไม่มีตั๋วนั่นแหละ ที่ปี๊ดสุดๆ คือที่ St.Chaphelle ครับ เดี๋ยวมาเล่า
ไว้ตอนหน้าจะมาเริ่มรีวิวสถานทีท่องเที่ยวในกรุง ปารีส นะครับ :D
0 comments